ยาฝังคุมกำเนิด หรือ การฝังยาคุม เป็นวิธีการคุมกำเนิดแบบชั่วคราว โดยการฝังหลอดบรรจุฮอร์โมนเล็กๆ ยาวประมาณ 3 เซนติเมตร ออกฤทธิ์นานโดยออกฤทธิ์ได้นาน 3-5 ปี ช่วยป้องกันการตั้งครรภ์การตั้งครรภ์ได้ตามกำหนดเวลาที่ฝังยา ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแต่ละผลิตภัณฑ์ โดยยาฝังคุมกำเนิดมีประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์สูงมาก โดยมีโอกาสล้มเหลวที่ทำให้เกิดการตั้งครรภ์ไม่เกิน 0.05-0.1%
เวลาที่เหมาะสมในการฝังยาคุมกำเนิด
- ควรทำภายใน 1-3 วันแรกของรอบเดือน เพื่อให้แน่ใจว่าไม่ได้กำลังตั้งครรภ์
ผู้ที่ไม่ควรฝังยาคุมกำเนิด
- ตั้งครรภ์ (ผู้ที่มีความเสี่ยงจึงต้องตรวจการตั้งครรภ์ก่อน)
- เป็นโรคมะเร็งเต้านม ไม่ว่าจะมีประวัติว่าเคยเป็นหรือกำลังเป็น และผู้ที่มีเนื้องอกชนิดที่ไวต่อโพรเจสเตอโรนหรือฮอร์โมนที่มีฤทธิ์คล้ายโพรเจสเตอโรน
- เป็นโรคตับรุนแรงที่ยังตรวจพบความผิดปกติทางห้องปฏิบัติการ
- เป็นโรคเนื้องอกตับหรือโรคมะเร็งตับ
- มีเลือดออกจากช่องคลอดอย่างผิดปกติโดยไม่ทราบสาเหตุ
- มีการอักเสบของหลอดเลือดดำร่วมกับมีลิ่มเลือด (thrombophlebitis) หรือมีความผิดปกติเกี่ยวกับลิ่มเลือดหลุดอุดหลอดเลือด (thromboembolic disorders)
ผลข้างเคียงที่อาจพบหากคุมกำเนิดด้วยวิธียาฝังคุมกำเนิด
- มีเลือดประจำเดือนมาผิดปกติโดยเฉพาะช่วงแรก แต่ต่อมาประจำเดือนจะค่อยๆ น้อยลงและจะหายไปโดยไม่มีอีกเลยตลอดช่วงที่ฝังยา
- บางรายอาจมีประจำเดือนมาบ่อยและมานานขึ้น (พบได้น้อยมาก)
- ปวดท้องน้อยและปวดประจำเดือนบ้างในช่วง 2-3 เดือนแรก
- ในระยะแรกอาจมีอาการปวดแขนบริเวณที่ฝังแท่งยาคุมกำเนิด
- บริเวณที่ฝังแท่งยาอาจเกิดการอักเสบ หรือมีรอยแผลเป็นได้
- อารมณ์แปรปรวน ซึมเศร้า
- มีอาการปวดหรือเจ็บเต้านม
- เวียนศีรษะ
- บางรายอาจมีน้ำหนักตัวเพิ่ม
- เกิดฝ้า สิว
- ช่องคลอดอักเสบและแห้ง
- อาจทำให้เกิดภาวะลิ่มเลือดในหลอดเลือดดำ
- หากเกิดการตั้งครรภ์ขึ้น จะมีโอกาสการตั้งครรภ์นอกมดลูกได้มากกว่าปกติ
ข้อควรปฏิบัติหลังฝังยาคุมกำเนิด
- ในช่วง 5 - 7 วันแรก อย่าเพิ่งนำพลาสเตอร์ออก หลีกเลี่ยงไม่ให้แผลโดนน้ำ งดใช้แขนข้างที่ฝังยาคุมกำเนิดยกของหนักและออกกำลังกายหนัก และระมัดระวังไม่ให้ได้รับแรงกระแทก
- ในช่วง 7 วันแรก หากต้องการมีเพศสัมพันธ์ ให้ป้องกันด้วยถุงยางอนามัยก่อน
- รับประทานยาแก้ปวด ยาแก้อักเสบที่คุณหมอจ่ายให้ เพื่อป้องกันการเกิดแผลติดเชื้อ
- เมื่อครบ 7 วันแล้ว ให้กลับไปให้คุณหมอตรวจติดตามอาการ หากไม่มีอะไรผิดปกติ ให้กลับมาตรวจติดตามผลการรักษาปีละครั้ง
- เมื่อครบระยะเวลาที่กำหนด ให้กลับมาถอดยาคุมกำเนิดที่ฝังไว้ และเปลี่ยนเป็นแท่งใหม่
- หากเกิดอาการผิดปกติหลังจากใช้ยาฝังคุมกำเนิด เช่น แผลมีเลือด มีน้ำเหลือง มีหนอง หรือบวมแดง หรือมีอาการตั้งครรภ์ หรือคลำบริเวณที่ฝังยาแล้วไม่พบหลอดยา ให้รีบพบแพทย์ทันที
ควรเอายาคุมที่ฝังออกเมื่อใด?
- การเอายาคุมที่ฝังออกนั้นสามารถทำได้ตามความต้องการ โดยเมื่อครบกำหนด 3 หรือ 5 ปี ตามที่แพทย์นัด ต้องให้แพทย์ถอดยาคุมออก และใส่หลอดใหม่เข้าไป แต่ในกรณีที่เกิดอาการไม่พึงประสงค์ต่างๆ เช่น มีอาการของโรคหัวใจหรือโรคหลอดเลือดในสมอง ความดันโลหิตสูง หรือเกิดภาวะซึมเศร้า แพทย์อาจแนะนำให้นำยาฝังคุมกำเนิดออกก่อนกำหนด และใช้วิธีคุมกำเนิดวิธีอื่นแทน
นัดหมายเข้ารับบริการได้ที่ : แผนกสูตินรีเวช โทร. 0-2867-0606 ต่อ 1116,1109 / OPD Prestige ชั้น11 ต่อ 1106
แพ็คเกจใกล้เคียง
วันที่
20 ต.ค. 2565
ราคาเริ่มต้น 1,100 บาท
คลินิกอายุรกรรม
วันที่
8 พ.ย. 2566
ราคาเริ่มต้น 7,000 บาท
คลินิกสูตินรีเวช
วันที่
13 ก.พ. 2567
ราคาเริ่มต้น 3,000 บาท
คลินิกอายุรกรรม