1. มะเร็งตับ
- สาเหตุส่วนใหญ่ในปัจจุบัน โรคตับแข็งจากสาเหตุต่างๆ เช่น การกินเหล้านานๆ ไขมันพอกตับจนอักเสบเรื้อรัง และ ไวรัสตับอักเสบโดยเฉพาะชนิด บี และ ซี ในระยะแรกจะไม่มีอาการ จนเป็นมากจึง ปวดแน่นท้อง น้ำหนักลดเบื่ออาหาร อ่อนเพลียเรื้อรัง
2. มะเร็งปอด
- อาจไม่ใช่มะเร็งที่เกิดจากเซลล์ของปอด แต่เป็นมะเร็งที่เกิดจากเซลล์ถุงลมปอด หลอดลม เส้นเลือด เยื่อหุ้มปอดหรือมะเร็งที่กระจายมาที่ปอด ไม่ว่าจะสูบบุหรี่หรือไม่ และมักพบในระยะลุกลาม เพราะตอนที่ก้อนไม่ใหญ่จะไม่มีอาการ จนกว่าก้อนจะไปกดทางเดินหายใจ เกิดน้ำท่วมปอด ทำลายกระดูกซี่โครงจนปวด หรือทำให้เกิดอาการอ่อนเพลีย บางครั้งถ้าเป็นที่ขั้วปอดอาจทำลายระบบเส้นประสาทจากไขสันหลัง ทำให้แขนมีอาการชา อ่อนแรงหรือหนังตาตกได้
3. มะเร็งเต้านม
- หมั่นตรวจคลำเต้านมด้วยตนเองเป็นประจำทุกเดือนและเมื่อพบความผิดปกติเกิดขึ้นก็จะรีบไปพบแพทย์ ทำให้แพทย์สามารถทำการวินิจฉัยและให้การบำบัดรักษาตั้งแต่ต้น ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้ผู้ป่วยส่วนใหญ่มีโอกาสได้รับการรักษาจนหาย แต่ผู้ป่วยจะมีโอกาสหวนคืนกลับมาเป็นมะเร็งเต้านมได้อีก
4. มะเร็งปากมดลูก
- สาเหตุสำคัญของโรคนี้เกิดจากเชื้อเอชพีวี (HPV) ซึ่งติดต่อไปยังบุคคลอื่นๆ ได้จากการมีเพศสัมพันธ์ ในชีวิตของผู้หญิงคนหนึ่งอาจจะเคยได้รับเชื้อนี้ แต่ร่างกายสามารถกำจัดไปได้ และมีบางส่วนที่ไม่สามารถกำจัดเชื้อได้ รวมถึงมีปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ ที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของเนื้อเยื่อบริเวณปากมดลูกและทำให้เกิดโรคต่างๆ เช่น หูดหงอนไก่ มะเร็งปากมดลูก และอื่นๆ
5. มะเร็งลำไส้ใหญ่
- มะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนักมักพบมากในผู้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป แต่ก็สามารถเกิดได้ในทุกเพศทุกวัย อายุเฉลี่ยของคนไทยที่ตรวจพบมะเร็งชนิดนี้อยู่ในช่วงอายุ 60-65 ปี ผู้ที่มีประวัติบุคคลในครอบครัวป่วยเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนักจะมีโอกาสเสี่ยงมากกว่าคนทั่วไป สำหรับการตรวจพบแต่เนิ่น ๆ ต้องทำตั้งแต่ยังไม่มีอาการผิดปกติ เรียกการตรวจนี้ว่า “การตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่” ซึ่งแนะนำให้เริ่มตรวจคัดกรองในผู้ที่อายุ 50 ปีขึ้นไปโดยเฉพาะบุคคลในครอบครัวนั้นเป็นญาติสายตรงลำดับแรก ได้แก่ พ่อแม่ พี่น้องและบุตร
แพ็กเกจคัดกรองข้อเข่าเสื่อม คลิก : http://www.bangmodhospital.com/in_promotion/73