โรคไข้หวัดใหญ่ เริ่มแพร่ระบาดตั้งแต่เดือนมิถุนายนเป็นต้นไป เกิดได้กับทุกเพศทุกวัย แต่ในเด็กอายุน้อยกว่า 2 ขวบ ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีโรคประจำตัวเรื้อรัง อาจเกิดอาการที่รุนแรงกว่าและเกิดภาวะแทรกซ้อนได้ เช่น ปอดอักเสบและสมองอักเสบ นอกจากนั้นยังทำให้โรคประจำตัวมีอาการกำเริบจากการติดเชื้อ เช่น โรคหัวใจ โรคเบาหวาน โรคเกี่ยวกับตับและไต 


โรคไข้หวัดใหญ่เกิดจาก Influenza virus 4 สายพันธุ์ คือ 

  • สายพันธุ์ A แบ่งย่อย 2 สายพันธุ์ คือ H1N1, H3N2
  • สายพันธุ์ B แบ่งย่อย 2 สายพันธุ์ คือ Yamagata, Victoria


อาการที่ต้องสงสัยว่าเป็นไข้หวัดใหญ่

  • ไข้สูง ประมาณ 38.5-40 องศาเซลเซียส
  • ปวดศีรษะ
  • เจ็บในคอ ไอแห้ง
  • คัดจมูก น้ำมูกไหล
  • ปวดเมื่อยตามตัว
  • อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร


ใครบ้าง ควรฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่

  • บุคคลทั่วไป สามารถฉีดได้ทุกช่วงอายุ
  • กลุ่มเสี่ยงที่ควรต้องฉีด
    • เด็กเล็กอายุ 6-23 เดือน
    • เด็ก หรือผู้ใหญ่ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคปอดเรื้อรัง, หอบหืด, โรคหัวใจ, โรคไต, เบาหวาน, ภูมิคุ้มกันบกพร่อง, ผู้พิการทางสมองช่วยเหลือตนเองไม่ได้
    • หญิงตั้งครรภ์ 4 เดือนขึ้นไป หรือหลังคลอดไม่เกิน 4 สัปดาห์
    • นักท่องเที่ยว ที่จะเดินทางไปต่างถิ่นที่อาจมีการระบาด
    • ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป
    • ผู้ที่มีน้ำหนักตัวตั้งแต่ 100 กิโลกรัม หรือโรคอ้วน
    • บุคคลากรทางการแพทย์, เจ้าหน้าที่ในห้องปฏิบัติการ, เจ้าหน้าที่ในสถานเลี้ยงเด็ก, สถานบริบาลคนชรา, สถานบำบัดผู้ป่วยโรคเรื้อรัง

**ควรฉีดวัคซีนทุกปี เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกัน โดยภูมิคุ้มกันจะเกิดขึ้นสูงสุดหลังฉีดวัคซีนประมาณ 2 สัปดาห์ และอยู่ได้นานประมาณ 1 ปี โดยมีความสามารถในการป้องกันสูงสุดที่ 6-8 เดือนแรก จากนั้นภูมิคุ้มกันจึงค่อยๆ ลดลง **


สอบถามข้อมูลหรือนัดหมายเข้ารับบริการ : แผนกกุมารเวช โทร. 0-2867-0606 ต่อ 1106

Vaccine Package...Baby & Kids