เมื่อเกิดอาการป่วย ไข้ และอาการเล็กน้อย ในส่วนใหญ่จะซื้อยามากินเอง หรือไปพบแพทย์และแพทย์ให้ยากลับมาที่บ้าน บ่อยครั้งมักจะลืมวิธีการกินยาตามที่เภสัชกรแนะนำ หรือการกินยาคู่กับเครื่องดื่มบางชนิด ซึ่งอาจจะส่งผลต่อร่างกาย เช่น ยาไม่ออกฤทธิ์ ยาออกฤทธิ์ช้าลง ควรกินกับน้ำเปล่าดีที่สุด และแนะกินยากับน้ำในอุณหภูมิห้อง โดยเฉพาะคนที่มีอาการเจ็บคอ ซึ่งน้ำเย็นอาจส่งผลให้ระคายคอมากยิ่งขึ้น


เครื่องดื่มที่ไม่ควรกินคู่กับยา

1. น้ำผลไม้

  • เป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพแต่ไม่ควรกินคู่กับยา โดยเฉพาะน้ำผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว เช่น น้ำส้ม น้ำมะนาว จะต่อต้านการดูดซึมของยาที่ใช้ในการรักษา และมีผลทำให้กรดในกระเพาะอาหารเพิ่มมากขึ้น ทำให้มีปวดท้องมากขึ้น

2. ชา กาแฟ หรือเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน

  • นอกจากชา กาแฟ ยังมีน้ำอัดลม โกโก้ รวมทั้งเครื่องดื่มชูกำลัง และไม่ควรกินคู่กับยาแก้หวัด ยาขยายหลอดลม เนื่องจากกาแฟมีฤทธิ์ทำให้หัวใจเต้นเร็ว เช่นเดียวกับยาขยายหลอดลมที่มีฤทธิ์กระตุ้นการทำงานของหัวใจ ดังนั้นเมื่อกินพร้อมกันอาจเกิดอาการใจสั่น รวมทั้งภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะได้ ผู้ป่วยโรคหัวใจควรระวัง

3. น้ำอัดลม

  • มีทั้งกรดและคาเฟอีนที่ขัดความการทำงานของยา เช่น ยาขยายหลอดลมทำให้อัตราการเต้นของหัวใจเพิ่มมากขึ้น ยาลดกรดทำให้ฤทธิ์ยาหมดประสิทธิภาพ แก๊สที่มีมากในน้ำอัดลมก็จะกัดกระเพาะและให้ตัวยาไม่สามารถดูดซึมได้ดี จึงไม่สามารถลดกรดในกระเพาะได้เช่นกัน

4. นม

  • เป็นเครื่องที่ดีต่อสุขภาพ เป็นแหล่งแคลเซียมที่ช่วยสร้างกระดูกได้ เพราะนมมีแคลเซียม โปรตีน เหล็กที่ไปจับตัวยาบางชนิด เช่น ยาฆ่าเชื้อ ยาปฏิชีวนะ ยาลดกรด ทำให้ไม่สามารถดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดได้ ยาจะหมดประสิทธิภาพไม่ออกฤทธิ์หรือออกฤทธิ์ช้าลง

5. เครื่องดื่มแอลกอฮอล์

  • ผู้ที่อาการแฮงก์ ห้ามกินยาแก้ปวดอย่างแอสไพริน อาจทำให้เป็นแผลในกระเพาะ ผู้ที่กินยาขยายหลอดเลือด ก็จะยิ่งทำให้หลอดเลือดขยายตัวมากไป จนทำให้มึน เป็นลม หมดสติ ผู้ที่ใช้ยาฆ่าเชื้อ ถ้ากินยาด้วยก็อาจทำให้ใจสั่นเต้นเร็วกว่าปกติ จะเวียนหัว คลื่นไส้ อาเจียน ผู้ที่ต้องกินยาลดน้ำตาล ก็จะไปทำลายตับ ยับยั้งการสร้างกลูโคส ทำให้หน้ามืดใจสั่น หมดสติ หรือถ้ากินยาพาราที่ออกฤทธิ์ต่อตับด้วยแล้ว ยิ่งมีโอกาสสูงที่จะเป็นโรคตับวาย  

**สอบถามวิธีกินยากับเภสัชกรทุกครั้ง และควรอ่านฉลากกำกับยาให้ชัดเจนทุกครั้ง**